“นิวประยุทธ์-นิวรัฐบาล”

พูดกันตามสภาพเป็นจริง
ถึงวันนี้…….
การเชิดตัวเองเป็นตัวแทน “คนรุ่นใหม่” ในทางการเมืองของ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์”
มันเฟก
และ “จบบริบูรณ์” ทางกฏหมายและทางการบ้าน-การเมืองไปแล้ว ตั้งแต่ ๒๑ กุมภา.๖๓ เมื่อองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติว่า……“การที่นายธนาธรให้เงินกู้ยืมพรรคจำนวนมาก ย่อมก่อให้เกิดการครอบงำพรรค บงการพรรค เป็นธุรกิจการเมือง
มีเจตนาหลีกเลี่ยงการรับบริจาคตาม มาตรา ๖๖ ตาม ทำการฝ่าฝืนมาตรา ๗๒ เป็นเหตุให้สั่งยุบพรรค”

ขนาดนี้แล้ว ….
แทนที่ “สามมะกอก” จะสำนึกและละอายที่คล้ายถูกจับแก้ผ้ากลางแดดครั้งแล้ว-ครั้งเล่า จากโกหกแล้วถูกสังคมจับได้
กลับหนังหนา-หน้าด้าน
มีแสงแค่แดงเหมือนตูดยุง เห็นคนชื่นชอบรัฐบาลแจกเงินคนตกงานจากโควิด ก็เบ่งพองหวังเทียบเท่า และเกทับ
จัดคอนเสิร์ต ไลฟ์สด เรี่ยไรแจกมั่ง

ที่จริง วงการ “โคส้ม-โคแดง” ก็เห็นไส้ เห็นพุงกันอยู่ ที่เฮกันไป-เฮกันมา ใช่ว่าศรัทธารุ่นใหม่-รุ่นเก่า
หากแต่มันเป็นประชาชนหน้าม้า “ประชาธิปไตยหลอกแดก” เป็นอาชีพด้วยกันทั้งนั้น

มีหน้าที่ “รับจ้าง-รับแจก”
แล้วนี่จัดคอนเสิร์ตตกปลาในบ่อ ก็รวยเป็นหมื่นๆ ล้าน ควัก ๑๐ ล้าน ๑๐๐ ล้าน แจกเองคนละ ๓ พันตามโว เมียไม่ด่าหรอก
การเบ่งบารมีด้วยไถคนกันเอง มันผิดอุดมการณ์คนประชาธิปไตยรับจ้าง รู้มั้ย

จึงกะร่อง-กะแร่งแค่ ๗ ล้าน ซึ่งนั่นถือว่า เป็นเงินมาแบบอวตารแล้วหละ รู้ไว้ด้วย!
แล้วเป็นไง โวโอ้อวด ไลฟ์สดคนเปิดดูกว่า ๑๓ ล้านครั้ง ถ้าเป็นรุ่นใหม่ ด้วยใจศรัทธาพ่อฟ้าจริง
แค่โยนให้คนละบาท ก็ได้ตั้ง ๑๓ ล้านบาทแล้ว

แต่นี่ ตะบี้-ตะบันเบ่งพองตัว แข่งถึง ๒ วัน รูทวารแทบฉีก ได้แค่ ๗ ล้านกว่า กับความกลับกลอก-หลอกไป-หลอกมา แก้ตัว, แก้ผ้า, แก้กติกา
ลบนั่น-ลบนี่ สับสนวุ่นวายกัน ๒ คน “ทอนกะช่อ”!

จนป่านนี้ กะเงินแค่ ๗ ล้าน ยังสรุปไม่ได้ว่าไปไง-มาไง กับที่ประกาศไว้ “๓,๐๐๐ ได้ทุกคน”?

“ขอโทษ…รู้เท่าไม่ถึงการณ์…บกพร่องโดยสุจริต…ถูกอำนาจเผด็จการกลั่นแกล้ง”

เลือกเอาวลีหนึ่งที่ถนัดปากนะทอน เพื่อหอนแก้ตัว!

ถามตรงๆ เถอะ….
ทั้งสามมะกอก ไม่เขินเลยหรือ ที่ยกตัวเองเป็น “คนรุ่นใหม่”?

ปีนี้ทอนอายุเท่าไหร่ เกิดพฤศจิกา ๒๑ นี่ปี ๖๓ โห…ก็ตั้ง ๔๒ แล้ว พูดถึงรุ่นตามอายุ
….ใกล้หงอกแล้วนะ!
และถ้าพูดถึงอันดับชั้น ทอนวันนี้ คู่แข่งทางอำนาจ-สาสนา-บารมี อย่าไปเผยอถึงระดับ “พลเอกประยุทธ์” เลย

“ทอน” แข่งได้แค่ “เสี่ยโป้” เท่านั้น
ถ้าทำโพลตอนนี้ ทอนเสียตำแหน่ง “นายกฯ โซเชียล” ให้เสี่ยโป้แล้วด้วยซ้ำ!

ปิยบุตร เกิดตุลา.๒๒ ปีนี้ ๔๑ ขวบ ยังจะตีตั๋วเด็กเป็นรุ่นใหม่ รุ่นใหม่จริงๆ ทุกวันนี้ เป็น “รุ่นใหม่มีสาระ”
มีแต่พวกแอพเด็ก นอกจากไร้สาระ ยังเป็นขยะอีกตะหาก

อนาคตทางการเมืองของปิยบุตร ไม่อยากบอกว่าจะเหมือน “แซ็ง-ฌุชต์”
เพราะแซ็ง-ฌุชต์ ขึ้นต้นเป็นพระเอกล้มกษัตริย์ ลงท้ายเป็นทรราชย์ ถูกประชาชนตัดหัวสนองด้วยกิโยติน
เอาเป็นว่า เส้นทางรุ่งสุดของปิยบุตร ก็แค่ “วรัญชัย ๒”

วรัญชัยเป็นครูเทศบาลมาก่อน ก็พอดีกัน ปิยบุตรก็เป็นอาจารย์มหา’ลัยมาก่อน เป็นตัวตาย-ตัวแทนกันได้ในอนาคต

ส่วนช่อนี่….
ปีนี้ ๓๒ “ครึ่งใหม่-ครึ่งตะไคร่ขึ้น”
ก้ำกึ่ง ระหว่างป้าธิดากับป้ามุด ว่าจะอยู่ในร่างทรงไหน เพื่อตามหาประชาธิปไตย ๒๔๗๕ แข่ง “บุพเพสันนิวาส ภาค ๒” ?

ก็บอกทางไปให้ทั้งสามมะกอกแล้ว อยู่ที่ตัดสินใจเลือก จะเถลือกไถลในทางที่ไม่ใช่ต่อ หรือหยุด…กลับใจคืนฟากฝั่ง
2475 รหัสที่ตามหา มันไม่มีหรอก
มีแต่ 55555555!!!!!! (ขำพวกมึงว่ะ)

ทำไมผมจึงบอกอนาคตของสามมะกอกไม่มีแล้วน่ะหรือ?
ก็เพราะ พลเอกประยุทธ์ ด้วยบทบาทในหน้าที่นายกรัฐมนตรี ผู้นำทางบริหารและปกครองประเทศไทย
เขาเปลี่ยนแล้ว

เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนบุคลิกนิสัยเคยชิน สู่วิสัยทัศน์-โลกทัศน์ใหม่ ในทางบริหารและปกครอง
ในขณะที่ สามมะกอก ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย!

ใหม่ในเฟกอย่างไร ก็เฟกคงที่อย่างนั้น ถ้าเหลียวมองหลัง ก็จะเห็น บรรดาลูกฟ้าหน้าอ่อน-หน้าแก่ ที่เคยแห่ห้อมตอมหน้า-ตามหลัง เป็นหางยาวเฟื้อย
ตอนนี้ “หางด้วน”

เหลือแค่พวกผีคาป่าช้า ไปไหนก็ไม่มีที่ไป เป็นปลิงเกาะโหนกินระหว่างพรรคกับรั้วมหา’ลัยกระหยิบหนึ่ง!
มันจบแล้ว ….จบจริงๆ

สำหรับการใช้คำว่า “คนรุ่นใหม่” หากินทางการเมือง จะก้าวหน้า-ก้าวไกล มีแต่ “ก้าวไถล” ลงแค่เหวหรือลงถึงก้นนรกเท่านั้น!

ไม่ต้องสังเกต ก็จะเห็น ณ วันนี้ นายกฯประยุทธ์เปลี่ยนบุคลิก-รูปแบบ ทั้งตัวเองและการบริหารไปเห็นชัด
เรียกว่า การ “ปฏิวัติ-ปฏิรูป” สังคมประเทศ นายกฯปักหมุดเริ่มต้นแล้ว

จุดแรก “ปฏิวัติตัวเอง” ก่อน!
เปลี่ยนกรอบการเมืองระบบรัฐสภาฝังราก-ฝังจำ จาก ๒ ขั้ว คือ ขั้วรัฐบาล กับขั้วตรงข้ามรัฐบาล

สร้างรูปแบบใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ใหม่ วางแนวบริหารทั้งเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม จากแบ่งแยก จัดรวมเป็นทีม
เรียกว่า “ทีมประเทศไทย”!
ไม่ผูกขาด “อำนาจคิด-อำนาจวางแผน” เพื่อสร้างศักยภาพประเทศไว้เฉพาะนักการเมือง, ข้าราชการและเฉพาะกลุ่มคน จนล้อประเทศจมหล่มมาค่อนศตวรรษ

วันนี้ นายกฯประยุทธ์ “ขยายกรอบคิด” ใหม่หมด!
การเมืองระบบรัฐสภาแยก “รัฐบาล-ค้าน” คือรูปแบบเดิม
ส่วนในทางบริหารใหม่
นายกฯ กำลังปฏิบัติการในมิติ “ตีเหล็กกำลังร้อน” ระดมทรัพยากรบุคคลของประเทศในสาขาต่างๆ มาร่วม
“ออกแบบประเทศไทย” สู่ศตวรรษที่ ๒๑

ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า, การลงทุน, การวิจัย, การสังคม และการเสริมสร้างศักยภาพใหม่ให้ประชาชนโดยเฉพาะภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร
ไม่มี “พวกเขา-พวกเรา”

มิติใหม่ในการรื้อแล้ววางโครงสร้างประเทศใหม่ จะมีแต่ “ประเทศไทย-คนไทย” ด้วยกันทั้งหมด!

ไม่แค่ส่งจดหมายเชิญ นายกฯ ยังเหมือน “เล่าปี่” ประทับทรง เดินทางไปพบ “กลุ่ม-คณะ-องค์กร-สมาคม-บุคคล” ด้วยตัวเอง
ขอรับฟังความคิดเห็น คำเสนอแนะ และขอความร่วมมือ-ร่วมใจ เพื่อนำทั้งหมดที่ได้ มาประมวลเป็นแผน “ผ่าตัดโครงสร้าง” ประเทศใหม่

ภาครัฐ, ข้าราชการ-ภาคพ่อค้า, นักธุรกิจ-ภาคประชาชน ถูกวางน้ำหนัก มีส่วนสำคัญแต่ละด้านในการปฏิรูปประเทศทั้งนั้น
และต่อจากนี้ การจัดลำดับความสำคัญในแต่ละภาคเพื่อศักยภาพประเทศใหม่ จะไม่เกิดเกี่ยงงอนด้วยคำว่า เอื้อคนรวย ไม่เห็นหัวคนจน

เพราะศักยภาพของคนในแต่ละภาคส่วน จะถูกดึงมาใช้ผสานเกื้อด้วยกันในงานตัดผุ “สร้างอนาคตประเทศใหม่”

ภาคพ่อค้า-นักลงทุน มีเงิน ออกเงิน, ภาคปัญญาชน-ประชาชน มีสมอง ออกสมอง มีแรงออกแรง แล้วร่วมกัน
ระบบราชการ มีหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก คอยติดต่อประสานงาน คอยแก้ปัญหาในระบบราชการ ให้งานภาคธุรกิจการค้า-การส่งออก เดินได้-ไหลลื่น

จะไม่ใช่เจ้านาย ที่ยืนค้ำหัว ชี้นิ้วสั่ง กางระเบียบ-กางกฎหมาย ในทางข่มขู่ เข่นเอาประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงโทษคือความเสียหายส่วนรวมคือประเทศเลย

ก็ไม่แน่นะ……..
หลังสถานการณ์โควิด การเมืองในระบบรัฐสภา อาจมีรูปแบบไม่เหมือนเดิม เมื่อภาคพ่อค้า-ประชนร่วมมือรัฐบาลสร้างสรรประเทศ
การเมืองค้าน “ระบบแค้น” จะ “ตกยุค-ตกขอบ” ถ้าไม่ปรับเปลี่ยน ทำเป็นไอ้เข้ขวางคลองตลอดไป จะถูกสังคมในความเป็น “ทีมประเทศไทย” ทิ้งไว้ข้างหลัง

“ตายซาก” ชนิดไม่มีวันได้ผุด-ได้เกิด!
คำว่า “ปรับครม.” ในนิยาม เก้าอี้รัฐมนตรีผลัดกันนั่ง นั่นคร่ำครึ หมดยุค ไม่ใช่หนทางนำไปสู่การสร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศ

อะไรเป็นไปในกรอบที่ไม่ใช่แบ่งข้าง-แบ่งฝ่ายเพื่อทำให้ฉิบหายไปข้าง แล้วกูได้รวย, ได้ขึ้น

“ทีมประเทศไทย” จะเป็นไปในทิศทางนั้น
มิติหน้าตาจะคล้าย “รัฐบาลแห่งชาติ” อย่างนั้นหรือไม่

“พระสยามเทวาธิราช” เท่านั้น ตอบได้!

Written By
More from plew
ทำแล้ว “ทำอยู่” ตู่ทำต่อ – เปลว สีเงิน
กองทัพที่จะแพ้ อาการแรกที่เห็นก่อน คือการ "แตกสามัคคี" ในระดับแม่ทัพ-ขุนศึก จากนั้นทะเลาะกัน โทษกันไป-โทษกันมา
Read More