คู่กรรม “ภาคเวรกรรม” – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ…?

เปลว สีเงิน

อ้าว…แล้วกัน!
คุณชูวิทย์ “นักสืบเชลยศักดิ์” ของผม
ถูก “ทนายตั้ม” ฉายหนังตัวอย่างเรื่อง “แฉไป-ไถไป” แค่ต้นม้วนก็ต้องฮากับฉาก…. “ก็ผมปฎิเสธไม่ออกนี่ครับ” ซะแล้ว
เมื่อไม่ออก ก็รับสารภาพอย่างสง่าผ่าเผย รับถุงขนม ถุงละ ๓ ล้านของ “สารวัตรซัว” ที่ ๒ อดีตนายตำรวจเกษียณนำมามอบให้

พระเอก “ตายง่าย-ตายเร็ว” แต่หัวม้วนอย่างนี้ แฟนๆ ก็ต้องเดินออกจากโรงก่อนหนังจบน่ะซี คุณชูวีซซซซซ!

เมื่อยอมรับ ๒ ก้อนแรก แม้อีกก้อน “๕๐ ล้าน” ตามที่ทนายตั้มแฉ จริง-ไม่จริง ไม่รู้ ถึงคุณชูวิทย์ปฎิเสธ แต่มันก็ยากจะให้คนเชื่อสนิทใจ

จะออกตัวว่า รับแล้วนำไปบริจาคโรงพยาบาล นั่นก็จริง
แต่จริงกระเดียดทาง “แก้ตัว” เมื่อจนแต้ม!

ถ้ารังเกียจ “สินบนปิดปาก” จริง เมื่อเขานำมายัดเยียด คุณชูวิทย์ควรถ่ายคลิปไว้อย่างที่ถนัดทำในทุกเรื่องที่แฉ แล้วแถลงข่าว

แถลงแล้ว จะนำเงินก้อนนี้ไปมอบโรงพยาบาลหรือที่ไหน ให้เป็นข่าว ก่อนที่ทนายตั้มจะออกมาแฉ แบบนั้นแหละ ถึงจะเท่

ในยุทธจักรนี้ นักตรวจสอบสังคม ที่ใช้ข้อมูล “แบล็กเมล” กันนั้น มีอยู่จริง!
ยิ่งในการเมืองด้วยแล้ว “โจรปล้นโจร” เป็นยังไง นักเลือกตั้งใช้ข้อมูลแบล็กเมลนักการเมือง ก็ไม่ต่างกัน

พูดถึง “ถุงขนม”
ถุงขนมที่เป็นตำนาน เห็นจะไม่พ้น “ถุงขนม” ทักษิณ ไม่รู้จำกันได้หรือเปล่า?

เมื่อปี ๒๕๕๑ ที่ “ทักษิณ-พจมาน” ตกเป็นจำเลยต่อศาลในคดี “ผัวเซ็น-เมียซื้อ” ที่ดินรัชดาภิเษก
แล้วให้ ๓๑ ธันวา. เป็นวันทำงานตามปกติ เพื่อให้เมียไปโอนที่ เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมราคาถูก ก่อนจะปรับสูงขึ้นต้นปี

การต้องไปขึ้นศาลนั่นแหละ ตำนาน “ถุงขนม” จึงเกิด
“กรอหนังกลับ” กันหน่อยเป็นไง……

จากคำพิพากษาคดี “ละเมิดอำนาจศาล” เมื่อ ๒๕ มิย.๕๑ “นายพิชิฏ ชื่นบาน” ทนายความ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร” ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๑

“น.ส.ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ” ที่ ๒

“นายธนา ตันศิริ” ผู้ประสานงานคดี พ.ต.ท.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ ๓

เรื่องราวถุงขนมตามผลไต่สวนของศาลสรุปความได้ดังนี้
——————————–
เมื่อ ๑๐ มิ.ย. ๕๑ เวลา ๙.๓๐ น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายอนันต์ “เลขานุการศาลฎีกา” ไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ศาลฎีกาฯ หลังจากนั้น ม.ล.ฐิติพงศ์ ชมพูนุช นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา

เข้ามาสอบถามเรื่องที่ทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ นำสิ่งของ ซึ่งเป็น “ถุงกระดาษสีขาว” ปิดสกอตเทปใสมิดชิด มาให้เจ้าหน้าที่ว่า “จะรับไว้ได้หรือไม่”

เมื่อเปิดถุงแล้วพบธนบัตร ๑,๐๐๐ บาท จำนวน ๒ ตั้ง ตั้งละ ๑๐ มัด รวมประมาณ ๒ ล้านบาท
นายอนันต์ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ส่งคืน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาถึงศาลเพื่อรายงานตัว
จากการไต่สวน ม.ล.ฐิติพงศ์ได้ความว่า ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาถึง

นายธนา สั่งให้ น.ส.ศุภศรี แจ้งต่อ ม.ล.ฐิติพงศ์ ว่าให้ไปพบ เพื่อจะปรึกษาคดี ม.ล.ฐิติพงศ์ จึงไปพบที่ห้องพักทนาย
ซึ่งภายในห้องมีเพียง ๒ คน

โดย ม.ล.ฐิติพงศ์ นั่งโต๊ะตรงข้ามกับนายธนาซึ่งได้หยิบถุงกระดาษส่งให้ พร้อมบอกว่า
“ระยะนี้ต้องมาติดต่อบ่อย เห็นใจเจ้าหน้าที่ เลยเอาของมาฝาก ให้ไปแบ่งกัน”

จากนั้น ม.ล.ฐิติพงศ์ เดินไปหานายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ แต่ไม่อยู่ ไปประชุมที่รัฐสภา จึงไปพบนายอนันต์ที่ตรวจงานอยู่

นายอนันต์สั่งให้เปิดถุง เมื่อพบว่าเป็นเงินจึงสั่งให้คืนเจ้าของไป เพราะการรับถุงไว้ น่าจะเป็นการไม่ชอบ
อาจละเมิดอำนาจศาลและเป็นความผิดต่อเจ้าพนักงาน โดยมีการถ่ายรูปธนบัตรและถุงไว้เป็นหลักฐาน

จากการไต่สวนนายธนา อ้างว่า
เมื่อ ๙ มิย.เวลา ๒๑.๐๐ น. นายบุญชาญ อักษรสุวรรณ ได้นำเงิน ๒ ล้านบาท ที่ได้ซื้อบ้านผู้ถูกกล่าวหา ในราคา ๕.๓ ล้านบาท มาให้ และเตรียมนำเงินดังกล่าวไปฝากธนาคารในวันรุ่งขึ้น

โดยให้ภรรยาซึ่งเป็นลูกพี่-ลูกน้องกับคุณหญิงพจมาน นำเงินบรรจุใส่ถุงกระดาษปิดผนึกมิดชิด
หลังจากก่อนหน้านี้ ให้ภรรยาไปซื้อช็อกโกแลต และห่อในลักษณะเดียวกัน

เพื่อเตรียมมอบให้เจ้าหน้าที่ศาลในวันที่ ๑๐ มิ.ย.๕๑ ซึ่งเป็นวันยื่นคำร้องรายงานตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการดำเนินการต่างๆ ในคดี

ขณะที่วันเกิดเหตุ ได้นำถุงขนมวางไว้ที่นั่งด้านหลังเบาะรถ ส่วนห่อเงินใส่ไว้ที่กระโปรงหลังท้ายรถ แต่ตนหยิบถุงผิดไป เมื่อทราบ จึงแจ้งให้นายพิชิฏทราบเพื่อทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ โดยนายพิชิฏโทรศัพท์หา ม.ล.ฐิติพงศ์ พร้อมกล่าวคำขอโทษ

แต่ ม.ล.ฐิติพงศ์ แจ้งว่าได้ทำบันทึกถึงผู้บังคับบัญชาแล้ว
คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า……

นายธนารู้หรือควรรู้ว่าในถุงมีเงินอยู่หรือไม่ ซึ่งในการไต่สวน ม.ล.ฐิติพงศ์ ให้การว่า
นายธนาเป็นผู้หยิบถุงเงินที่ปิดมิดชิดมอบให้โดยไม่แจ้งว่าเป็นสิ่งใด ก่อนจะเปิดพบเป็นเงิน ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งให้ส่งคืนไป โดยมีเจ้าหน้าที่ศาลนำถุงส่งคืนกับมือนายธนา

พร้อมถามว่า “รู้หรือไม่ว่าข้างในมีอะไร” นายธนาตอบว่า “รู้” และเดินกลับไป โดยไม่มีท่าทีอิดเอื้อนตอบกลับ ซึ่งเป็นพิรุธ เห็นว่า หากเป็นไปตามที่นายธนากล่าวอ้างว่าหยิบถุงผิดไป โดยคนขับรถเป็นผู้นำถุงผิดมาให้ตน โดยไม่มีการตรวจสอบก่อน

ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า ของสองสิ่งลักษณะห่อเหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติว่าจะมีการหยิบผิด

และเมื่อเจ้าหน้าที่ทักท้วงก็ต้องเปิดดูและตรวจสอบสิ่งของ แต่กลับไม่ดำเนินการ

อีกทั้งหากนายธนาจะนำช็อกโกแลตมามอบให้จริงก็ควรจะนำไปมอบให้ที่เคาน์เตอร์อย่างเปิดเผย เพื่อความบริสุทธิ์ใจ จึงเชื่อว่านายธนารู้อยู่แล้วว่าในถุงกระดาษดังกล่าวมีเงิน ๒ ล้านบาท

คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยต่อว่า นายพิชิฏ และ น.ส.ศุภศรี มีส่วนรู้เห็นหรือให้ความร่วมมือในการกระทำของนายธนาหรือไม่

จากการไต่สวนพบว่าพฤติการณ์ของนายพิชิฏชัดแจ้งว่ามีส่วนร่วม ถือเป็นตัวการร่วม
ส่วน น.ส.ศุภศรี แม้เป็นเสมียนทนายความ แต่ก็ร่วมรู้ในเหตุการณ์ โดยเป็นผู้เรียก ม.ล.ฐิติพงศ์ ให้ไปพบนายธนา

พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าน.ส.ศุภศรี มีส่วนร่วมรู้เห็นกับนายธนาและแบ่งหน้าที่กันทำ
จึงฟังได้ว่า ทั้งนายพิชิฏและ น.ส.ศุภศรี เป็นตัวการร่วมกับนายธนา

คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยข้อสุดท้ายว่าทั้งสามกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่

เห็นว่าการนำถุงกระดาษใส่เงิน ๒ ล้านบาท ให้ ม.ล.ฐิติพงศ์ ถือเป็นเหตุจูงใจให้เจ้าหน้าที่ของศาลฎีกาฯกระทำการอันมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่
อาจเชื่อมโยงเป็นประโยชน์ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก

การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและพานิชย์ มาตรา ๓๑(๑) มาตรา ๓๓ ประกอบ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓

และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ตามประมลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๔ หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน

การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเป็นการกระทำที่อุกอาจท้าทายและเกิดขึ้นที่ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลยุติธรรมสูงสุดของประเทศ

อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามประกอบอาชีพทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย
ย่อมตระหนักดีว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะก่อให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาลยุติธรรม
และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ

จึงเห็นสมควรลงโทษสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนละ ๖ เดือน

ส่วนความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๔ หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงานนั้น

ให้นายอนันต์ เลขานุการศาลฎีกา ไปดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
———————————

นี่คือ “ตำนานถุงขนม”

คุณชูวิทย์จำไว้นะ เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ใครเอาถุงขนมมาให้ปุ๊บ ต้อง “ถ่ายรูป-ถ่ายคลิป” ไว้ปั๊บ แล้วฟ้อง “ศาลประชาชน” ถึงจะเป็น “โรบินฮู๊ด” ได้

ถ้า “ถูกแฉ” แล้ว “แก้ตัว”
เป็นได้แค่ “หูด” เท่านั้นแหละ!

เปลว สีเงิน
๒๔ มีนาคม ๒๕๖๖

 

Written By
More from plew
“แค้นอาฆาต”ของคนคด
เปลว สีเงิน ถึงตอนนี้…….. “ม็อบรุ่นใหม่” ก็หนังกลับ “คืนสภาพจริง” “นักเรียน-นักศึกษา” แค่ผักชี นปช.ทักษิณ “เสื้อแดงแจ๋ “เนื้อแท้ ชัดเจน!
Read More
0 replies on “คู่กรรม “ภาคเวรกรรม” – เปลว สีเงิน”