“จุฬา-อุเทน” คนเท่ากัน – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“โรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย”
ที่เป็น “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย” ย่านปทุมวัน ขณะนี้

คือบ้านที่เคยอยู่-อู่ที่เคยนอน สถาน “บ่มเพาะ-บ่มสอน” เชิงช่างนักศึกษา มาแต่ครั้ง….
“พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”รัชกาลที่ ๖ทรงพระเมตตา ให้ใช้ที่ดินพระราชทาน
ผืนเดียวกับ” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”เป็นสถานที่ให้กุลบุตร-กุลธิดา “ใฝ่รู้-ใฝ่เรียน-ใฝ่ศึกษา”

เพื่อนำวิชาความรู้เชิงช่างที่ได้ไปช่วยพัฒนาชาติบ้านเมืองของเราให้ก้าวหน้า

ด้วยเชิงช่างวิทยาการที่ครูบาอาจารย์พร่ำสอนและปล้ำฝึกฝน
วัน-สองวันนี้….
เห็น “คนอุเทนถวาย” ตกอยู่ในสภาพคนสิ้นทางต่อสู้ ต้องจำจาก-จำจร เพราะ “จุฬาฯ” เขาขับไล่ ถึงขั้นสิ้นสุดแล้วในทางศาล
ก็อดสงสารไม่ได้

ด้วยเข้าใจความรู้สึกผูกพันระหว่างคนกับสถานศึกษาที่มีมาเป็นร้อยปี แล้ววันนี้ จะต้องจาก เพราะจุฬาฯ เขาตะเพิด

มันก็ยากทำใจอยู่นะ!
ด้วย “จิตผูก-วิญญานพัน” ทั้งนักศึกษา ทั้งศิษย์เก่า ทั้งครูบาอาจารย์ แม้เป็นผม ก็ยากตัดใจ

ดังนั้น ทางเดินสุดท้าย ของคนเลือดอุเทนถวายที่ทำได้
คือบากหน้าไปวอนขอเมตตา ทั้งจุฬาฯ ทั้งกระทรวงอว.ทั้งรัฐสภา ทั้งฟ้า-ทั้งดิน

ผืนดินพระราชทานจุฬาฯเพื่อการศึกษาย่านปทุมวัน มีตั้ง ๑,๑๕๓ ไร่
ทิศตะวันออก จรดถนนอังรีดูนังต์
ทิศตะวันตก จรดริมคลอง ติดถนนบรรทัดทอง
ทิศเหนือ จรดถนนพระราม ๑
ทิศใต้ จรดถนนพระราม ๔

จุฬาฯแบ่งเป็นพื้นที่การศึกษา ๖๓๗ ไร่
เอาไปทำพาณิชย์เพื่อการค้า ๓๘๕ ไร่
ให้ส่วนราชการ เช่าใช้/ยืมใช้ เช่น สนามกีฬาแห่งชาติ, โรงเรียนเตรียมฯ, โรงเรียนสาธิต โรงเรียนมัธยมศึกษา ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย,
สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน,สถานีดับเพลิงบรรทัดทอง
ส่วนนี้ แค่ ๑๓๑ ไร่!

ถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์แล้ว พื้นที่ให้ส่วนราชการและการศึกษาเช่าใช้ ราวๆ ๑๑.๓๖%
เทียบกับที่จุฬาฯ เอาที่ดินไปให้เอกชนเช่าทำการค้า-พาณิชย์ย่านนั้นตั้ง ๓๘๙ ไร่ คิดเป็นเปอรเซนต์แล้ว ก็ตั้ง ๓๓.๓๙%
มากกว่าที่ให้สถานศึกษา สถานที่ราชการใช้ “ครึ่ง-ต่อครึ่ง”!!!

เฉพาะ “อุเทนถวาย” ที่ รัชกาลที่ ๖ ทรงให้ตั้งอยู่ในที่ดินพระราชทานด้วยกันนั้น
แค่ ๒๐ ไร่ เท่านั้นเอง!?

สรุป ที่ดินพระราชทานเพื่อการศึกษาทั้งหมด ๑,๑๕๓ ไร่
จุฬาฯนำไปเป็นพื้นที่การศึกษาของจุฬาฯ ๖๓๗ ไร่ คิดเป็น ๕๕.๒๕%
จุฬาฯ เอาไปทำเขตพาณิชย์ ๓๘๕ ไร่ คิดเป็น ๓๓.๓๙%
เป็นพื้นที่ส่วนราชการเช่าใช้ ๑๓๑ ไร่ คิดเป็น ๑๑.๓๙%

และในส่วน ๑๓๑ ไร่ นี้……
เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนช่างก่อสร้างอุเทนถวาย แค่ ๒๐ ไร่มาแต่อ้อน-แต่ออก จะว่าไปก็เท่า “แมวดิ้นตาย” เท่านั้น!

จะพูดไป….
ก็พูดได้ว่า “จุฬาฯ” กับ “อุเทนถวาย” คือ “ลูกพ่อเดียวกัน”

จุฬาฯมี ๑,๑๕๓ ไร่
เจียดให้อุเทนถวายใช้เป็นชายคาคุ้มหัวอยู่เรียนซัก ๒๐ ไร่ มันจะอะไรนักหนา คิดแล้วแทบไม่เป็นเปอร์เซนต์ด้วยซ้ำ
เมื่อเทียบกับจำนวนที่ดิน ที่จุฬาฯ เอาไปให้นายทุนเช่า ทำศูนย์การค้า ทำโรงแรม ทำห้าง ทำสถานบันเทิง ทำพาณิชย์ และ ฯลฯ

ผม “ไม่ค้าน-ไม่เถียง” ด้านสิทธิในที่ดิน ๑,๑๕๓ ไร่ ทางเอกสาร ที่จุฬาฯ ชนะในการฟ้องร้องต่อศาล

แต่ด้านจิตใจ…
ด้านผูกพันจากฐานรากกำเนิดร่วมกัน เป็นเด็กหัวจุกคลุกน้ำปลา ร่วมเล่นอยู่ผืนดินในรั้วเดียวกันมาเป็นร้อยปี

จะให้ “พาณิชย์” เหนือ “จิตใจ” จนสะบั้นความเป็นพี่-เป็นน้อง “กันขนาดนั้นเลยเชียวหรือ?

ก็เข้าใจ แต่ก่อน-ร่อนชะไร ที่ดินแถวนั้น สองข้างทางมีแต่คลอง เรียงรายด้วยจามจุรี นอกจากสามล้อปั่น นานนาที-นานชั่วโมง ถึงจะมีรถยนต์วิ่งซักคัน
ตารางวาละพัน ตอนนั้น ก็โคตรแพง

ตอนไม่เกิดผลประโยชน์ก็อยู่ด้วยกันได้ แต่พอที่ดินตรงนั้น จากตารางวาละพันคนยังเมิน กลายเป็นตารางเมตรและล้าน
ที่ดินพระราชทานจุฬาฯ “ในทางพาณิชย์” ตอนนี้ จึงขึ้นชื่อว่าแพงยิ่งกว่า “ทองคำฝังเพชร”

ยิ่งตรงที่ตั้งอุเทนถวายติด “สยามสแควร์” ด้วยแล้ว
ไม่ใช่ฝังเพชรธรรมดา มันถึงขั้น “ทองคำฝังโคตรโคตรเพชร” ขนาดนั้นเลย!!!

มีเงิน นับเป็นน้อง มีทองนับเป็นพี่ แต่เมื่อจุฬาฯมีทั้งเงิน ทั้งทอง ทั้งที่ดินฝังโคตรโคตรเพชร
จุฬาฯจะ “ตัดเป็น-ตัดตาย” ไล่อุเทน
เอาที่ดินโรงเรียนไปให้นายทุนเปลี่ยนเป็นโรงแรม เป็นห้าง เป็นศูนย์การค้า

คิดทางด้าน “มนุษย์วัตถุ” มันก็โอเค
สร้างผลตอบแทนทางการค้าได้มหาศาลกว่าให้อุเทนถวายอยู่ตรงนั้น เพราะมันเฮี้ยวนัก

เดี๋ยวๆ มันก็ยกพวกไปไล่ตี-ไล่ยิ่งกัน เป็นคนละชนชั้นกับจุฬาฯ บางพวก ที่นิยมทาง “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน”
ให้มันย้ายไปอยู่ไกลๆ แถวสมุทรปราการโน่นแหละดี

พวกจุฬาฯ ชนชั้น ลงถนน วันไหน …….
ยกสามนิ้ว ชูป้าย “ไอ้นั่นของกู กูจะให้ใครก็ได้” จะไม่ต้องระแวง “อุเทนถวาย” จะเข้าไปขอปันส่วน!

ทั้งหมดนี้ ผมพูดทางด้าน “ความรู้สึก” จากสามัญมนุษย์พื้นฐานที่ควรมีต่อกัน โดยเพาะประเด็น
“อุเทนถวาย” คือสถาบัน “ฝึกฝน-สร้างคน” ที่รัชกาลที่ ๖ ทรงรับสั่งให้ตั้งขึ้น ณ ครั้งนั้น

พระองค์ก็คงไม่ทรงคิดว่า ภาคภาคหน้า จะมีวันนี้
คือวันที่ จุฬาฯ ………
หวังผลประโยชน์ทางการค้าในที่ดินตรงนั้น มากกว่าการศึกษาจาก “โรงเรียนการช่างอุเทนถวาย” ที่พระองค์รับสั่งให้ตั้งขึ้น

จากการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่ “คณะราษฎร” ยึดพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ไป เมื่อปี ๒๔๗๕
กรรมสิทธิและเจตนาในที่ดินพระราชทานผืนนี้ “บิดผันไป” ตามกลไกและตามต้องการคณะบุคคล จากอุเทนถวายต้องอยู่ร่วมได้

ต้องกลายเป็น “ผู้อาศัย” ที่ดินเขาอยู่ตามกฎหมาย และจุฬาฯ ขอที่คืน ตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ เรื่อยมา
มีการเจรจา ฟ้องร้อง ถวายฎีกา สุดท้ายมีข้อสรุปว่า “กรมธนารักษ์” จัดหาพื้นที่ใหม่ให้อุเทนถวาย ย้ายไปอยู่บางพลี สมุทรปราการ รัฐบาลให้งบย้าย ๒๐๐ ล้านบาท

แต่ก็ยังมีปัญหา ตกลงกันยังไม่ได้ ยืดเยื้อ ยาวนาน ปานรามเกียรติ์ หลายเรื่อง-หลายราว

จนล่าสุด ปี ๒๕๖๕ ……..
“ศาลปกครองสูงสุด” มีคำสั่งให้อุเทนถวายย้ายออกไปโดยต้องดำเนินการภายใน ๖๐ วัน หลังจากมีคำสั่ง

แต่ถึงวันนี้ ปี ๒๕๖๗ ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ ถึงจุฬาฯ ยืนกราน อุเทนถวายต้องย้ายออกไป
ก็ยัง “โอนอ่อน-ผ่อนตาม” ไม่ทำอะไรในทางหักหาญ ก็ต้องชื่นชมในส่วนนี้

ทางด้าน “อุเทนถวาย” คนไทยรักถิ่น ฉันใด อุเทนถวาย ก็ก็รักสถาบันที่อยู่ตรงนั้น ฉันนั้น
ก็ต้องพูดกันตรงๆ “ทางกฎหมาย” อุเทนถวายสู้เขาไม่ได้ และแพ้ไปแล้ว ต้องย้ายออก
เหลือแต่ด้าน “คุณธรรม-น้ำใจ” จากจุฬาฯ เท่านั้น

และสปิริตจาก นักศึกษา, ศิษย์เก่า, ผู้บริหาร ตลอดถึงอาจารย์อุเทนถวาย
ลดอัตตา ใช้สติบนความรับผิดชอบ ยอมรับกฎกติกา แล้วทั้ง ๒ ฝ่าย เปิดใจให้กว้าง มองโลก-มองอนาคต ไปให้ไกลด้วยกัน

จากนั้นพูดจา “หาทางออก” เยี่ยงปัญญาชน มองอนาคตชาติ ผ่านการสร้างคน ด้วยการศึกษามิติใหม่ เพื่อกำไรยั่งยืนในสังคมโลกยุคใหม่

“จุฬา-อุเทน” จะร่วมกันปฎิวัติ-เปลี่ยนโฉม-ยกเครื่อง-ลอกคราบ “อุเทนถวาย” ด้วยรูปแบบศึกษาวิทยาการตอบโจทย์โลก สู่ศตวรรษที่ ๒๑
เอาให้มันเริด แถลงออกมา ทุกคนต้องเลิกคิ้วตะลึงกันเลย!

ทำแบบนี้ได้ การปฎิวัตินี้ จะลอกคราบทั้งทัศนคติเก่า ทั้งความคิดเก่า เอกลักษณ์บู๊ล้างผลาญ จะต้องหายไปแน่
และพื้นที่ ๒๐ กว่าไร่ตรงอุเทนถวายนั้น….
จะ “วิน-วิน-วิน” ด้วยกันหมดทั้ง ๓ ฝ่าย คือ “จุฬา-อุเทนถวาย-นายทุน”

ยุคนี้ ขนาดโรงพยาบาล กับภัตตาคาร ร้านอาหาร ศูนย์การค้า เขายังอยู่ร่วมคอมเพล็กซ์เดียวกันได้
แล้วทำไมเราจะเอาที่ดิน ๒๐ ไร่ ตรงอุเทนถวาย เป็นทั้งสถานศึกษา ทั้งศูนย์การค้า ทั้งห้าง ทั้งร้านคา โรงหนัง โรงละคร มาอยู่ร่วมกันไม่ได้ล่ะ?

“ประหยัด-ครบวงจร-คุ้มค่า-พัฒนายุค”

เปลี่ยนโปรแกรมสมองใหม่ แล้วคิดโจทย์สู่เป้าหมายเดียวกัน ก็ไม่มีใครต้องย้ายอะไร
เพราะทุกฝ่ายจะได้ “ตามต้องการ” เหมือนๆ กัน!

“อุเทนถวาย” น่ะ น่ารักจะตายไป ถ้าเข้าใจเขา
แต่ถ้าดื้อเมื่อไหร่บอก….
ผมจะเอาเหล็กฉากเคาะกบาลให้!

เปลว สีเงิน
๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

Written By
More from plew
นิติธรรม : เปรมชัย-ทักษิณ – เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความ..⬇️ เปลว สีเงิน จากนักธุรกิจ-นายทุน “เจ้าอารมณ์” สู่การเป็น “ผู้นำบริหารประเทศ” ในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ของ”นายเศรษฐา ทวีสิน” ต้องชมกันเลยทีเดียวว่า
Read More
0 replies on ““จุฬา-อุเทน” คนเท่ากัน – เปลว สีเงิน”