“ตาบอดไม่กลัวเสือ” ภาค ๒ – เปลว สีเงิน

คลิกฟังบทความ..⬇️

เปลว สีเงิน

แหม….หน้าแตกเลย…ผม!
บอกว่าเศรษฐาจะ “ไม่ผ่าน”
ที่ไหนได้ ๑๑ พรรคร่วมรัฐบาลที่เพื่อไทยเป็นแกน มีแค่ ๓๑๔ เสียง
ถ้าเศรษฐาจะได้เป็นนายกฯ จะต้องมีสว.โหวตให้อีก ๖๑ เสียงขึ้นไป ถึงจะได้เสียง “เกินกึ่งหนึ่ง” ของรัฐสภา
คือต้องได้ ๓๗๕ เสียง ขึ้นไป ว่างั้นเถอะ

เอาเข้าจริง โหวตเสร็จ เมื่อวาน (๒๒ สค.๖๖)
ปรากฏว่า เศรษฐาได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกฯ ด้วยเสียงท่วมท้น คือตั้ง ๔๘๒ เสียง

แยกเป็น สส.๓๓๐ เสียง และ สว.๑๕๒ เสียง!

รัฐบาลมี สส. ๓๑๔ เสียง แต่ได้สส. ๓๓๐ เสียง ถามว่าอีก ๑๖ เสียงมาจากไหน?

มาจากสส.ประชาธิปัตย์สาย “เฉลิมชัย ศรีอ่อน-เดชอิศม์ ขาวทอง” เป็นหลัก!!!

แบบนี้หมายความว่าไง?
ก็หมายความว่า ๗๗ ปี ของพรรคประชาธิปัตย์ “มันจบแล้วครับนาย”!

แล้วมันเป็นผลดีหรือผลร้ายกับประชาธิปัตย์ล่ะ?
ผลร้ายวันนี้ แต่เป็นผลดีวันหน้า

เหมือนไม้ใหญ่อายุ ๗๗ ปี ใบแก่สลัดร่วงพรู กิ่งผุหนีต้น-ทิ้งแก่น
ตอนนี้ เหลือแต่ต้นโกร๋นกับโคนติดราก

เพื่อแตกตา ผลิใบใหม่ สยายกิ่งก้าน คืนความเป็นไม้ใหญ่สายพันธุ์เดิมที่ “ไม่มีวันตาย” ในอนาคต!

ผมเชื่อ อดีตนายกฯ ชวน “ทำได้”
ถ้าเข้าใจคำว่า “ประสบการณ์” เหนือกว่า “หลักการ”!

จากงูเห่าประชาธิปัตย์ ก็มาดูทางสว.บ้าง หลายคนแปลกใจ รวมทั้งผมด้วย ว่าสว. “กินยาตราแม้ว” เหยียบลูกโลกมาหรืออย่างไร?

ทั้งหมด สว.มี ๒๔๐ กว่าคน แต่เฮละโลโหวตให้เศรษฐาตั้ง ๑๕๒ คน มีแค่ ๑๓ สว.เท่านั้น ที่ไม่โหวตให้

เรียกว่า “เกินต้องการ” เพื่อไทยอยากได้แค่ ๖๐ เสียงก็เหลือเฟือ แต่นี่ สว.รุมประเคนให้ตั้ง ๑๕๒
และส่วนใหญ่เป็น “สายทหาร” ล้วนๆ ซะด้วย!

เป็นความพ่ายแพ้ของ ๒ ลุงแก่ๆ “พลเอกประยุทธ์-พลเอกประวิตร” เป็นชัยชนะของเพื่อไทยและทักษิณ แบบนั้นใช่มั้ย?

มองด้วย “ตาเนื้อ” …ใช่
แต่ถ้ามองด้วย “ตาใน” …ไม่ใช่ มันเป็น “สัญญาต่างตอบแทน” มีได้-มีเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายเพื่อไทย ได้เศรษฐาเป็นนายกฯ
ฝ่าย ๒ ลุง ได้ทักษิณกลับมาเข้าคุก!

ดูเหมือนเพื่อไทยจะได้เปรียบ เพราะได้ทั้งอำนาจ ได้ทั้งทักษิณกลับบ้าน

แต่ฝ่าย ๒ ลุง นอกจากพลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติได้ร่วมรัฐบาลแล้ว ทั้งลุงตู่และบิ๊กป้อม ไม่เห็นได้อะไรเลย?

นั่นอยู่ที่แต่ละคนจะใช้อะไรเป็นฐานคิด

ถ้าใช้ “ประโยชน์เฉพาะตน” เป็นฐานคิด
“ลุงตู่-บิ๊กป้อม” ขาดทุน

แต่ถ้าใช้ “ประโยชน์ชาติ-สังคมเมือง” เป็นฐานคิด

การนำตัวทักษิณกลับมายืนหน้าบัลลังค์ศาล รับคำพิพากษาเหมือนผู้ทำผิดทั่วไป

นั่นคือ การธำรงไว้ซึ่ง “สถาบันตุลาการ” อันเป็น ๑ ใน ๓ สถาบันหลักของชาติ ให้ประจักษ์และศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนั้น เท่ากับลบความขัดแย้ง-แบ่งฝ่ายของคนในชาติที่มีมายาวนานให้กลับคืนสู่สุขสงบ

และสร้าง “สามัคคี-สมานฉันท์” ให้กับทุกภาคส่วนผ่าน “สถาบันบริหาร” และ “สถาบันนิติบัญญัติ”

นี่คือ “กำไร” ของประเทศชาติ อันเป็น “ส่วนรวม”

อะไรที่ทำแล้ว “ชาติ-ประชาชน” ได้กำไร ถ้าดูตามแนวคิด-แนวปฎิบัติของพลเอกประยุทธ์ในรอบ ๘-๙ ปี

บอกได้เลย….
นั่นคือ “กำไร” ที่พลเอกประยุทธ์ได้รับ โดยมี “ทักษิณ” เป็นตัวประกันอยู่ในคุก!

ศึก “เหลือง-แดง” จบ

นั่นเท่ากับช่วยนำ “สถาบันพระมหากษัตริย์” ออกมาจากวงขัดแย้ง ที่ถูกดึงเข้าไปโดยปริยายด้วย

ถ้าจะมี “สงครามสี” ต่อจากนี้อีก เป็นสงครามศึกสายเลือดกันเอง ระหว่าง “ส้มกับแดง”!

ถามกันอีก แล้วรัฐบาล “สมานฉันท์” จะอยู่ครบเทอมมั้ย?

ธ่อ…เพิ่งได้ตัวนายกฯ เปียกๆ รีบพูดถึง “อยู่สั้น-อยู่ยาว” ไปเพื่ออะไร ใครตอบได้ก็มี ๒ กรณี ไม่ขี้โม้ ก็อิจฉาริษยา

ให้เขาบริหารก่อน แล้วดูว่า….
ที่ให้ “สัญญาประชาชาติ” ไม่แตะ มาตรา ๑๑๒

ไม่เอาพรรคก้าวไกลมาร่วม

และแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่แตะหมวดที่เกี่ยวข้องพระมหากษัตริย์ โดยไม่ตั้งสสร. “เขียนใหม่ทั้งฉบับ” นั้น

รัฐบาล ๑๑ พรรค ที่เพื่อไทยเป็นแกน เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ บิดพลิ้วให้ผิดไปจาก “สัญญาประชาชาติ” นี้หรือไม่?

ถ้า “หน้ามือเป็นหลังตีน” ละก็ พูดได้คำเดียว”
“ศพไม่สวย” นะครับ…นาย!

เอ้า….
มาเมาธ์กันอีกเรื่อง ก็เรื่องทักษิณกลับมารับโทษคุกตามนัดเมื่อเช้าวาน (๒๒ สค.) นั่นแหละ

ผมพูดเองก็เลอะเทอะ ยึดที่เป็นมาตราฐานได้ดีกว่า

“ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล” อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด โพสต์เฟซไว้ ผมเล็มคำแต่คงสาระไว้ ดังนี้

คดีที่ทักษิณต้องรับโทษตอนนี้ มีทั้งสิ้น ๓ คดี

-ทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงค์ ตัดสินมื่อ ๒๓ เม.ย.๖๒
ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ๓ ปี

-หวยบนดิน ตัดสินเมื่อ ๖ มิ.ย.๖๒
ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ๒ ปี (ไม่ได้ขอให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบงค์)

-คดีแก้สัมปทานเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป
ตัดสินเมื่อ ๓๐ ก.ค.๖๓ ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก ๕ ปี

ให้ “นับโทษต่อ” จากคดีเอ็กซิมแบงค์และหวยบนดิน

เนื่องจากคดีหวยบนดินไม่ได้ให้นับโทษต่อจากคดีเอ็กซิมแบงค์ คดีเอ็กซิมแบ็งค์กับคดีหวยบนดิน จึงจะนับโทษซ้อนกัน

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๒ ที่บัญญัติให้โทษจำคุก เริ่มตั้งแต่วันมีคำพิพากษาซึ่งวันที่นายทักษิณกลับประเทศไทยวันนี้ (๒๒ ส.ค.๖๖)

ศาลจะออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุดให้เริ่มนับโทษจำคุกในคดีเอ็กซิมแบงค์และหวยบนดิน ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ส.ค.๖๖ เป็นต้นไป พร้อมกันทั้ง ๒ คดีเลย

ส่วนคดีชินคอร์ป ศาลฎีกาจะออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด ให้เริ่มนับโทษจำคุก หลังจากที่รับโทษในคดีเอ็กซิมแบงค์และคดีหวยบนดินเสร็จสิ้นแล้ว

รวมแล้ว จำคุก ๓ คดี เป็นระยะเวลา ๘ ปี

โดยคดีที่ ๑ กับ ๒ นับโทษซ้อนกัน

ส่วนคดีที่ ๓ รอนับต่อหลังจากรับโทษคดี ๑ และ ๒ เสร็จสิ้นแล้ว

แบบนี้ ก็หมายความว่า ถ้าทักษิณทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ “เฉพาะราย” ก็จะขอได้แค่คดี “กู้เอ็กซิมแบงค์” กับคดี “หวยบนดิน” ๒ คดีเท่านั้น

สมมติได้รับพระราชทานอภัยโทษ ๒ คดีนั้นแล้ว ก็ยังเหลืออีก ๑ คดี คือ “คดีเอื้อสัมปทานชินคอร์ป”
ที่จะต้อง “ติดคุกต่อ”!

เพราะศาลยังไม่ได้ออกหมายจำในคดีนี้ ต้องรอให้รับโทษจาก ๒ คดีแรกเสร็จก่อน จึงจะมานับโทษคดีชินคอร์ปต่ออีก ๕ ปี!!!

ถึงตอนนั้น ถ้าจะขอพระราชทานอภัยโทษอีกรอบ ก็ค่อยทำหนังสือขึ้นไปใหม่

แต่ “นอกคุก-ในคุก” ก็แผ่นดินไทย ถึงยังไงเข้าคุก ก็ได้ “ห้องเดี่ยว-เตียงเดี่ยว” ไม่ลำบากกายซักเท่าไหร่หรอก ถ้าใจเป็นสุข

เท่าที่ฟังทางกรมราชทัณฑ์ ทั้งอธิบดี บัญชาการเรือนจำ ทั้งผู้บัญชาการโรงพยาบาลราชทัณฑ์ วินิจฉัยโรงตรงกันว่า
ทักษิณ ที่เห็นฟิตปั๋ง เตะปีบเปรี้ยงปร้าง อย่างนั้นเถอะ

เอาเข้าจริง…
ตรวจแล้วสารพัดโรครุมเร้าน่าห่วง

-โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
-โรคปอด เคยอักเสบรุนแรง จากโรคโควิด ถึงหาย แต่ปอดเป็นพังผืด
-ความดันโลหิต​สูง
-ภาวะเสื่อมตามอายุ ​อายุ ๗๔ ปี มีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม มีการกดทับเส้นประสาท ทำให้การเดินทรงตัวผิดปกติ

สรุป ทักษิณอยู่ในข่าย “กลุ่มเปราะบาง”!

ดังนั้น ไม่ต้องกล้อนผม ไม่ต้องนอนรวม แยกไปอยู่ห้องเดี่ยว นอนเตียงเดี่ยว ในโซน “พื้นที่เฝ้าระวัง”

โอ๊ะ….
แบบนี้ ต้อง “ใกล้หมอ-ใกล้ยา” ไม่งั้น ปุบปับขึ้นมา โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่ทันการณ์แน่

ย้ายไปนอน “โรงพยาบาลพระราม ๙” ซัก ๘ ปี ที่นั่นหมอดี-ยาดี-นางพยาบาลดี รับประกัน “หายทุกโรค” ๑,๐๐๐,๐๐๐%

ก็เป็นอันว่า ภาพยนต์เรื่อง “คนตาบอดไม่กลัวเสือ” ภาคแรก จบบริบูรณ์
ขอความสุข สวัสดี จงมีแก่พ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับ!

เปลว สีเงิน

๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๖

Written By
More from plew
เมื่อ “พิธา” ขัดขา “พิธา” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน เรื่องหุ้น iTV นี่ ตอนนี้ หนวกหูชิบ! “พิธา-คนมีหุ้น” เขาหมอบ แต่พวกสื่อ พวกกูรู พวกติ่ง...
Read More
0 replies on ““ตาบอดไม่กลัวเสือ” ภาค ๒ – เปลว สีเงิน”