“ตำรวจ” กับ “มาเฟีย” – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

อืมมมม….’กำนันนก’

ถือเป็นการรับน้องรัฐบาลเศรษฐาก็แล้วกันครับ

เริ่มต้นด้วยคดีคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ มือปืนยิงตำรวจ เสียชีวิตกลางงานเลี้ยง ที่มีตำรวจนั่งล้อมวงโซ้ยโต๊ะจีนอยู่กว่า ๒๐ นาย

กำนันนก หรือ ประวีณ จันทร์คล้าย อายุแค่ ๓๔ ปีเอง แต่ทำไมถึงมีอิทธิพลกว้างขวางชนิดที่ตำรวจท้องที่ต้องซูฮก

เปิดประวัติก็ยิ่งน่าประหลาดใจ เป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ป.รวีกนกก่อสร้าง ร่วมกับผู้เป็นพ่อ

มีความสนิทสนมกับนักการเมืองทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น

รับเหมางานทั่วภาคกลาง

ที่สำคัญกำนันนกเป็นผู้ประสานงานรับเหมา ดูแลธุรกิจ เจรจาส่วยสติ๊กเกอร์ และมีรถบรรทุกกว่า ๑๐๐ คัน

มีทรัพย์สินรวยระดับพันล้าน

มาถึงตรงนี้ความประหลาดใจเริ่มหายไป เพราะนี่คือสูตรสำเร็จของอิทธิพลท้องถิ่น

เป็นนักธุรกิจ รับงานประมูลของรัฐ รู้จักนักการเมืองระดับชาติ ตำรวจเดินตามหลังเป็นพรวน แบบนี้มีแทบทุกจังหวัดครับ

บางจังหวัดเล่นการเมืองระดับชาติ

บางคนเป็นรัฐมนตรี

ที่สุจริตมีครับ

แต่ที่คตโกง เป็นมาเฟีย เลี้ยงตำรวจไปพร้อมกับเลี้ยงโจร ดูจะเยอะกว่า

ไม่งั้นไม่สามารถอยู่ในยุทธจักรนี้ได้

‘กำนันนก’ ไม่ต้องสืบสาวก็รู้ว่ามาแนวมาเฟีย ไม่งั้นตำรวจ ๒๐ นายในงานเลี้ยง คงไม่นั่งอมสากเบือ

นี่ถ้าเกิดในยุคลุงตู่คงด่ากันเละ

เพราะรัฐบาลเลวถึงได้มีเรื่องพวกนี้

เข้าใจได้ครับ เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นได้กับทุกรัฐบาล ตราบใดที่ยังไม่มีการปฏิรูปตำรวจ ไม่มีการแก้ปัญหาตำรวจที่ถูกจุด

ซึ่งนโยบายรัฐบาลเศรษฐา แทบไม่ให้น้ำหนักเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ตอนเห็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย หายใจเข้าออกปฏิรูปตำรวจสามเวลาหลังอาหาร

ครับ…ประเด็นที่มันฉาวโฉ่คือ ตำรวจนั่งอยู่กว่า ๒๐ นาย แต่กลับปล่อยให้มีการทำลายหลักฐาน

แถมด้วยวิสามัญมือปืน “หน่อง ท่าผา” แบบฉับไว

ก็อ้างได้ครับว่าคนร้ายต่อสู้ขัดขืนการจับกุมจำต้องวิสามัญฆาตกรรม

มุขตื้นๆ แบบนี้ชาวบ้านจับทางได้หมดแล้ว

ตัดตอนมือปืน ถือเป็นประโยชน์ต่อ “กำนันนก”

ก็ไม่รู้สินะ…ประเด็นยิงตำรวจ ตำรวจกำลังจะทำให้เป็นเรื่อง เมาแล้วหัวร้อน ไม่ใช่ความขัดแย้งเรื่องโยกย้าย

เห็น “บิ๊กโจ๊ก” บอกว่า “กำนันนก” ไม่รอดแน่ คดีนี้ไม่ซับซ้อน และจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว อาจจะใช้เวลาอีกไม่กี่วัน ในการคลี่คลายคดี

ตอนนี้แค่ต้องไล่หาพยานหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากที่ถูกทำลายไป

และต้องสืบสวนต่อด้วยว่า การทำลายหลักฐานมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวโยงด้วยหรือไม่

ก็เอาใจช่วยครับ

แต่อย่าเพิ่งไปสรุปว่า “กำนันนก” ไม่มีธุรกิจอื่นนอกจากการรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจเกี่ยวกับรถบรรทุก รวมถึงความเกี่ยวโยงกับการเก็บส่วยก็ยังไม่พบ

ค่อยๆ สืบครับ

เพราะข่าวออกมาหรา…เป็นมือเคลียร์ส่วยสติกเกอร์

ต้องสืบให้ลึกครับ

สาวถึงใคร ต้องฟันไม่ให้หมด ไม่งั้นเสียยี่ห้อ “บิ๊กโจ๊ก” หมด

อย่าลืมนะครับ ส่วยสติกเกอร์ คือเครือข่ายอมตะ ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตาย

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะตำรวจคือหนึ่งในเครือข่ายส่วยสติกเกอร์

ตำรวจอยู่ในวงจรนี้มานานแสนนานแล้ว

หาก “บิ๊กโจ๊ก” ทลายให้ล้มลงได้ ถือว่ามีส่วนสำคัญในการปฏิรูปตำรวจ

โม้ได้ยันเหลนบวชครับ!

ฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่แค่จับ “กำนันนก” เข้าคุก

แต่เป็นการสร้างศรัทธาให้กับวงการตำรวจ

ต้องไม่มีตำรวจเดินตามหลังมาเฟียท้องถิ่น

ก็ไม่ใช่ครั้งแรกครับกับคดีเขย่าวงการตำรวจ

เห็นคำสั่งเด้งตำรวจ ๒๕ นาย ที่ปรากฎตัวในงานเลี้ยง ไปช่วยราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติส่วนหน้า ( ศปก.ตร.) รู้สึกสงสารหน่วยงานเหล่านี้

มันคล้ายๆ ลงโทษตำรวจเลวด้วยการส่งไป ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้

ความคิดแบบนี้ควรจะหมดไปได้แล้วครับ

หากจะมีหน่วยงานรองกระโถน ก็ควรมีหน่วยงานสำหรับเอาตำรวจนอกรีดไปแขวนไว้เป็นการเฉพาะ แบบนี้สามารถเตือนสติตำรวจที่เตรียมจะทำผิดได้ดีกว่า

หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ เพราะปัญหาในแวดวงตำรวจนั้น มันหยั่งรากลึก จนไม่สามารถแก้ได้ง่ายๆ หากไม่มีการปฏิรูปทั้งองค์กร

ไม่ใช่แค่เรื่องสืบสวน สอบสวน นะครับ

ต้องแก้ตั้งแต่จิตสำนึกยันวัฒนธรรมองค์กร

เห็น “มท.๑ อนุทิน ชาญวีรกูล” ทุบโต๊ะสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ จัดการมาเฟียท้องถิ่นก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“เรื่องเหล่านี้ภายใต้การบริหารงานของพ่อเมืองจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศของเราหรือ เราต้องไปดู ไปขึ้นบัญชี ไปดูประวัติและดูพฤติกรรม ใครที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ จะมาเป็นผู้นำมวลชนไม่ได้ มีที่เดียวที่คนเหล่านี้จะอยู่ได้ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยแต่ตอนนี้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว เราต้องส่งไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งปลายทางเขายินดีที่จะรับคนเหล่านี้ ไม่ให้ออกมารบกวนวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยที่เรารักสงบและมีแต่ความร่มเย็น”

ใช่…ต้องส่งไปคุกให้หมด!

แต่จะทำได้หรือเปล่า จะรอดูครับ

พวกมาเฟียนี่ก็แปลก ไม่ค่อยกลัวรัฐบาลเลือกตั้ง แต่กับรัฐบาลเผด็จการหัวหด

มาตรา ๑๗ ในอดีต ทำนักเลงฉี่ราดนักต่อนักแล้ว

ช่วงแรกๆ ของรัฐบาลคสช. เรียกมาเฟียมาปรับทัศนคติ จากเสือกลายเป็นแมวเชื่องก็เยอะ

พอมีรัฐบาลเลือกตั้ง ทำไมโผล่มาทั่วประเทศเหมือนเดิม

อย่าบอกนะว่า…เป็นเครือข่ายเดียวกัน

Written By
More from pp
“ธรรมนัส” ลงพื้นที่รับฟังปัญหาเกษตรในพื้นที่ อ.ธารโต ยะลา พร้อมเน้นย้ำจะยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้น
16 กันยายน 2566 ณ ที่ว่าการอำเภอธารโต จ.ยะลา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
Read More
0 replies on ““ตำรวจ” กับ “มาเฟีย” – ผักกาดหอม”