ปรับครม.ไปจ่อเหว – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“เจ้าป่า-เจ้าเขา” นี่เฮี้ยนนะ!
เล่นงานสาวเอ๋ “ปารีณา ไกรคุปต์” ตกเก้าอี้สส.ไปคนแล้ว ฐานเป็นนักการเมืองไป “บุกรุกป่า”
ผิดทั้งอาญาและผิดทั้งจริยธรรมร้ายแรง
เมื่อวาน (๙ มิย.๖๕) ถูกอีกราย แต่ไม่ใช่รายธนาธรกับแม่และเมียที่โหยหากันด้วยห่วงใยนะ
แต่เป็นลูกกะพ่อ “นางกนกวรรณ วิลาวัลย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ-ลูก
กับพ่อ “นายสุนทร วิลาวัลย์” นายกฯ อบจ.ปราจีนบุรี

ถูกปปช.ชี้มูลความผิด สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกโฉนดที่ดินบุกรุกป่าเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่พื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เป็นความผิดทางอาญา

อาจฟังยาก-เข้าใจยาก เอาอย่างที่เรียกกันตามภาษาชาวบ้านง่ายๆก็คือ “รุกป่า” นั่นแหละ

สำหรับรมช.กนกกวรรณ เป็นนักการเมือง นอกจากผิดอาญาแล้ว ปปช.ยังระบุว่า

“การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ ๗ (นางกนกวรรณ) เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม

ซึ่งมีลักษณะร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตําแหน่ง ในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. ๒๕๖๑ หมวด ๑ มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ข้อ ๘ หมวด ๒ มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ข้อ ๑๑ ไม่กระทําการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
และข้อ ๑๗ ไม่กระทําการใด ที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง ประกอบข้อ ๒๗”

คดีนี้ ปปช.ชี้มูลความผิดทั้งหมด ๑๐ คน เมื่อชี้มูลแล้ว อาจถามกันว่า “แล้วไงต่อ?”

คำตอบคือ ทั้ง ๑๐ คน ต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ เพื่อนำไปยื่นฟ้องคดีต่อ “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” ภาค ๒ ต่อไป

ต้องเข้าใจว่า ในขั้นตอนนี้ ทั้งหมดเป็นแค่ “ผู้ถูกกล่าวหา” ส่วนจะผิด-จะถูก อยู่ที่ศาลจะพิจารณาและมีคำตัดสิน

สำหรับนางกนกวรรณนั้น……….
จะต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมตรีช่วยศึกษาฯ ตามมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่?

คำตอบ คือ เมื่ออัยการนำตัวส่งฟ้องศาลแล้ว และศาลประทับรับฟ้องแล้ว ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่า จะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีหรือไม่?

ก็ต้องรอฟังคำสั่งศาล ไม่ช้าหรอก อัยการออกหมายเรียกตัวเพื่อนำส่งฟ้องแล้ว
ความจริงไม่ต้องลุ้น ดูตัวอย่าง “คดีรุกป่า” จากรุ่นพี่ คือเอ๋-ปารีณานั่นก็ได้ ต้องหลุดสส.ทันทีแล้ว ยังถูกตัดสิทธิ์อีก ๑๐ ปี!

ฟังปารีณาหน่อยดีมั้ย จำนรรจาว่าอะไร เห็นเธอโพสต์เฟซทันที ที่ปปช.แถลงข่าวชี้มูล
……………………………

ปารีณา ไกรคุปต์
#บรรทัดฐานใหม่จากศาลฏีกา
#บทความจากปารีณา

ศาลฏีกาพิพากษาปารีณากรณีเข้าไปครอบครองที่ดิน สปก โดยไม่มีคุณสมบัติ รับมอบมาจากบิดา ผิดจริยธรรมร้ายแรง เพราะ…นักการเมือง ไม่มีสิทธิ์เขาไปครอบครองที่ดินของรัฐ

โดยศาลมิได้สนใจว่า นักการเมืองจะได้ที่ดินของรัฐมาอย่างไร แต่เมื่อวันที่คุณ.. เป็นนักการเมืองแล้ว คุณจะต้องคืนที่ดินของรัฐให้กับรัฐ.. ทันที!!!!!!

ปารีณาคืนที่ดินให้ สปก ช้า ยังไม่รอดเลย ตามคำพิพากษา
#ภายหลังคำพิพากษา ปารีณายังติดใจ เลยไปกราบขออนุญาตเข้าพบผู้พิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาได้อนุญาต เพราะเห็นว่าคดีถึงที่สุดแล้ว

ท่านได้โปรดมีเมตตายอมพบปารีณา โดยมีผู้นั่งร่วมรับฟังการเข้าพบหลายท่าน

ปารีณากราบเรียนว่า ปารีณาน้อมรับคำพิพากษาด้วยน้ำตา แต่มีเพียงคำถามสองคำถาม คือ

ทำไมคดีปารีณาถึงมีการดำเนินการอย่างรวดเร็วแต่เพียงผู้เดียว ปปช ใช้เวลาชี้มูลความผิดปารีณาเพียง 4 เดือน

ท่านผู้พิพากษาตอบว่า ท่านเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และเคยมีดำริเร่งรัดทางปปช ให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว และเท่าเทียมกันก่อนที่ปารีณาจะมาขอพบ

ส่วนคำถามที่สอง เมื่อปารีณาเห็นเลขาธิการปปช. ได้ออกมาแถลงข่าวว่า ทาง ปปช. จะพิจารณาคดีแตกต่างกันไป เพราะบางคนได้ที่ดินมาถูกต้องนั้น เป็นการพิจารณาคดีโดยไม่ยึดคำพิพากษาของศาลได้หรือไม่

ท่านตอบว่า.. ไม่ได้ นักการเมืองจะครอบครองที่ดินของรัฐทุกประเภทไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด

วันนี้ ปารีณาเห็นข่าวนี้รู้สึกดีใจว่า วันนี้ ปปช. ได้พยายามปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้กระทำความผิดอย่างเท่าเทียมกัน และฝากประชาชนรับชมการทำงานของ ปปช. ต่อไป

เนื่องจากวันนี้ มีเพียงนักการเมืองในฝั่งฟากรัฐบาลที่ถูกดำเนินคดีเท่านั้น ส่วนบิ๊กเพื่อไทย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สส.ประเสริฐ จันทรวงทอง ยังคงลอยนวลแบบสบายๆอยู่
#ที่นี่ประเทศไทย
……………………………….

โพสต์ของเอ๋นี่ ทำเพื่อนสส. “หนาวกลางแดด” หลายคนเลยนะ เพราะนอกจากเอ๋แล้ว…..
ที่ “นายศรีสุวรรณ จรรยา” ไปยื่นปปช.ให้ตรวจสอบสส.ในข้อหา “ถือครองที่ดินโดยมิชอบ” ผิดจริยธรรมร้ายแรง อยู่ระหว่างการไต่สวนของปปช.อีกตั้ง ๑๓ คน เช่น

  • สส.โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี กทม.ก้าวไกล
  • สส.ศักดินัย นุ่มหนู ตราด ก้าวไกล
  • อดีตสส.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ กำแพงเพชร พลังประชารัฐ
  • สส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เพชรบูรณ์ พลังประชารัฐ
  • สส.วุฒิพงษ์ นามบุตร อุบลราชธานี ประชาธิปัตย์
  • สส.สุพล จุลใส ชุมพร ประชาธิปัตย์
  • สส.ชินวรณ์ บุญยเกียรติ นครศรีฯ ประชาธิปัตย์
  • สส.มานพ ศรีผึ้ง นครสวรรค์ ภูมิใจไทย
  • สส.สฤษดิ์ บุตรเนียร ปราจีนบุรี ภูมิใจไทย
  • สส.สนอง เทพอักษรณรงค์ บุรีรัมย์ ภูมิใจไทย
  • สส.ประเสริฐ จันทรรวงทอง นครราชสีมา เพื่อไทย
  • สส.สุชาติ ภิญโญ นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย
  • สส.สงวน พงษ์มณี ลำพูน พรรคเพื่อไทย

นี่เป็นภาคศาล ที่นี้มาดูภาคการเมืองกันบ้าง นางกนกวรรณ นั้น เป็นรัฐมนตรีค่ายภูมิใจไทย

เมื่อต้องเข้าสู่ขั้นตอนกฎหมายเช่นนี้ ด้วยมาตรฐานจริธรรม การพ้นสภาพรัฐมนตรีเป็นได้สูงมาก

แล้วจะส่งผลอย่างไร?
อาจส่งผลทาง “จุดเปลี่ยน” หรือ “จุดหักเห” ในสถานะรัฐบาลที่ “นอกเหนือคาดหมาย” อันจะประมาทไม่ได้

ประเด็นแรก ที่ว่าจะไม่ปรับครม.เพราะรัฐบาลอยู่อีกไม่กี่เดือนก็ครบเทอมแล้ว นั้น
เมื่อเกิดภาคบังคับ จากที่รมช.ภูมิใจไทยอาจต้องพ้นสภาพ ประเด็นที่ตามมา คือ

เมื่อต้องปรับ ก็คงต้องปรับอย่างน้อย ๒ เก้าอี้ที่ว่างอยู่ก่อนด้วย และอีก ๑ เก้าอี้ ของภูมิใจไทย รวมแล้ว ๓ เก้าอี้

คำถามที่จะตามมา เอาเฉพาะพลังประชารัฐก่อน เมื่อมีการปรับ ก๊วนไหน คนไหนจะได้ขึ้น และใครจะยอมใคร?

ไม่จบแค่นั้น การถือโอกาส “ขอเปลี่ยนตัว” รัฐมนตรีบางคนที่เป็นอยู่ของพลังประชารัฐ จะตามติดทำให้นายกฯ กับลุงป้อม

ปวดหัวน่ะ…ไม่ว่า
จะเกิดปมให้ “ปวดใจ” ระหว่างพี่ใหญ่กับน้องเล็ก นั่นละที่สำคัญ!

“ฟองอากาศในเส้นเลือด” ทำให้แตกตายเฉียบพลันมามากต่อมาก ถึงไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่ประเด็นนี้

ประเด็นต่อมา จะว่าไป ภูมิใจไทยเป็นพรรคใหญ่อันดับสองรองจากพลังประชารัฐ เป็นตอม่อใหญ่ค้ำยันรัฐบาลให้อยู่ได้
แต่ไม่เคยงอแง-เกี่ยงงอนให้นายกฯ ต้องร้อนใจหรือไหวหวั่นเรื่องเสียงในทุกฤดูกาลโหวต

เลือกตั้งใหม่ๆ มีแค่ ๕๐เสียงต้นๆ ไล่เลี่ยประชาธิปัตย์ หารแบ่งเก้าอี้กันแล้ว พลังประชารัฐได้รัฐมตรี ๑๘ คน ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย ได้พรรคละ ๗ คน

แต่วันนี้ ภูมิใจไทย จาก ๕๐ สส.งอกเป็น ๖๒ สส.!
ไม่แค่นั้น ยังมีสส. “ฝากเลี้ยง” อยู่ตามฟากฝ่ายค้านอีกประมาณ ๑๕ สส.หมายความว่า โหวตวาระสำคัญแต่ละครั้ง
“เชื่อแป้ง” ไม่รอด

เชื่อ “หนู-ภูมิใจไทย” นี่แหละรอด มี “มือมืด-มือสว่าง” ยกค้ำให้รัฐบาลรอดตาย ชัวร์ๆ ร่วม ๘๐ เสียง!

แต่ภูมิใจไทย ทำบุญอย่างเดียว ไม่เคยเรียกร้องเอาส่วนบุญเป็นเก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มจากนายกฯ แต่อย่างใด

ตรงนี้แหละเป็น “ประเด็น” บนเหตุ-บนผลในตัวของมัน คือ เมื่อจะปรับครม กับ “เกาอี้ที่เหลือ” นอกเหนือเก้าอี้รมช.กนกวรรณแล้ว

มันจะเกิดกรณี “วัดใจ” ระหว่างนายกฯ กับรองนายกฯ อนุทิน ว่าจะแบ่ง ๒ เก้าอี้ที่ว่างให้ภูมิใจไทย “มิตรในสนามรบ” บ้าง หรือจะเอาเองทั้งหมด?

เพราะผมเชื่อ……
ถ้ามีการปรับ คนในภูมิใจไทยต้องบอกให้หัวหน้าพรรคไปทวงสิทธิ์อันควรได้ตามสัดส่วนแน่!

ส่วนประชาธิปัตย์ คุมลูกพรรคอย่าให้เป็นฝ่ายค้านในพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยไปคุยกะเขา

ที่เป็นตอนนี้ แค่เขาไม่ทอน ๗ เก้าอี้ไปบ้าง ก็นับว่าดีแล้ว!

สรุป พรคร่วมไม่เป็นปัญหา
ความไม่ชัดเจนใน “พลังประชารัฐ” เองนั่นแหละ
จะก่อปัญหา “พากันพัง”!

 



Written By
More from plew
รุ่นใหม่ “ม.ราชภัฏอุดรธานี” – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ทุกวันนี้…. การ “ชังชาติ-ชังสถาบัน” กลายเป็นค่านิยม “คนรุ่นใหม่” มีนักศึกษาเครือข่ายสามนิ้ว “ธนาธร-ปิยบุตร” เป็นแบรนด์นำ เหตุที่เป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่ง...
Read More
0 replies on “ปรับครม.ไปจ่อเหว – เปลว สีเงิน”