คลิกฟังบทความ…?
เปลว สีเงิน
พูดถึง “อุ๊งอิ๊ง” เมื่อวาน
อุ๊งอิ๊งก็มา
มาพร้อมคำโต ฉาดฉาน แต่สะตอ ที่ว่า
“นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย เคยพูดว่ารังเกียจรัฐประหาร
ขอให้ดูหน้าดิชั้นไว้
การรัฐประหารที่เกิดขึ้น ๒ ครั้ง ดิชั้นก็ไม่ได้ชอบ
แต่การไม่ตอบตรงๆ เพราะให้เกียรติประชาชน
ผลเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น
แต่คนที่ทำรัฐประหารมา ถ้าถามว่าอยากจับมือด้วยหรือไม่ เชื่อว่าประชาชนย่อมทราบดี
แต่ถ้าจะให้ตอบแบบใช้อารมณ์ คงไม่ใช่แนว แต่คำตอบน่าจะชัดเจนอยู่แล้ว”
ช่างพูดนะ….รังเกียจเผด็จการ!
อุ๊งอิ๊งบอกให้ดูหน้าดิชั้นไว้
เห็นแล้วหละ จำได้แล้ว “หน้ากระด้ง” อย่างนี้ คือหน้าของว่าที่ “นายกฯ โพล” แห่งตระกูลชินวัตร ชื่อ “อุ๊งอิ๊ง”
เลือกตั้งปี ๖๒ ธนาธร “สีส้ม” เป็นนายกฯ โซเชียล
มาปี ๖๖ อุ๊งอิ๊ง “สีแดง” เป็นนายกฯ โพล
โก้จริงๆ นะแม่คุณ!
คำนึงก็รังเกียจเผด็จการ สองคำก็ไม่ชอบหน้ารัฐประหาร
แต่จะบอกอะไรให้นะ…อุ๊งอิ๊ง!
รู้มั้ย ที่พ่อเธอมีเงินล้นเหลือ จนตั้งคอกเลี้ยงหมาได้เป็นฝูงทุกวันนี้ เงินนั่นน่ะ ส่วนหนึ่งมาจาก “เผด็จการ” ล้วนๆ เลยนะ
ไม่เชื่อไปถามแม่อ้อเธอดูก็ได้ ว่าจริงมั้ย?
ว่าสัมปทานดาวเทียมที่ได้ เมื่อปี ๒๕๓๔ นั่นน่ะ
เพราะแม่อ้อจูงพ่อทักษิณไปกราบกรานบิ๊กจ๊อด “พลเอกสุนทร คงสมพงษ์” ประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ” (รสช) จึงได้มา
จากวิ่งแลกเช็คเหงื่อโชกแต่ละวัน
จากสัมปทานกอดขาเผด็จการได้มานั้น จึงทำให้รวยติดปีก จนอุ๊งอิ๊งเป็นลูกมหาเศรษฐีตระกูลชินวัตร มีหมาเป็นคอกให้จูงถึงขณะนี้ไงล่ะ
ตอนนั้น เธอยังเด็ก ยังไม่รู้ประสา เมื่อจะมาเป็นนายกฯ ก็ควรศึกษาประวัติศาสตร์การเมือง และความเป็นมาแห่งความร่ำรวยของพ่อ-ของแม่เธอไว้บ้าง
…….ว่ารวยได้เพราะอะไร?
ก็ไม่เพราะ “กอดตีนเผด็จการ” ดอกหรือ?
ฉะนั้น จะพูด-จะจาอะไร ก็อย่าให้เป็น “คนลืมตัว-วัวลืมตีน” ให้มันมากนัก พูดเอาโก้ เอาเท่ หลอกคนบางคนน่ะ พอได้
แต่คนส่วนใหญ่ เขามีการศึกษา มีชีวิตร่วมสมัย พอรู้-พอเข้าใจถึงความเป็นมาพ่อของเธอว่า รวยได้เพราะสัมปทานผูกขาด
และไอ้สัมปทานผูกขาดเหล่านั้น……
มีอะไรซักแห่งมั้ย
ที่พ่อเธอได้มาโดยไม่อิงอำนาจเผด็จการ หรือใช้อำนาจเผด็จการประชาธิปไตยตัวเองตอนเรืองอำนาจ ทำให้ได้มา?
ฉะนั้น ใครที่พูดว่ารังเกียจเผด็จการ เกลียดรัฐประหารมี ๒ ประเภท
๑.สูญเสียผลประโยชน์
๒.มีเบื้องหลังที่แอบจิต
ส่วนคนทั่วไป ถึงไม่ชอบเผด็จการ แต่เขาก็ไม่รังเกียจทุกกรณีไป
ถ้าสังเกตจะเห็นว่า ในรัฐประหาร ๑๐ ครั้ง เงื่อนไขมาจากรัฐบาลเลว และประชาชนเรียกร้องให้ “ทหารออกมา” ซะ ๘-๙ ครั้ง
ที่จะแย่งชิงอำนาจกันเอง มีซักครั้ง-สองครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทั้ง ๒ ครั้ง เพราะประชาชนไม่เอาด้วย
ที่ไม่เอาด้วย เพราะรัฐบาลนั้นๆ ไม่ได้มีอะไรเลวร้าย เป็นแต่คนกลุ่มหนึ่ง “กระหายอำนาจ” และแย่งชิงเท่านั้น
การรัฐประหารที่ขาด “เงื่อนไขประชาชน”
จึงจบลงด้วยคำว่า “กบฎ”!
ปี ๒๕๒๐ เสธหลาด “พลเอกฉลาด หิรัญศิริ” ปฎิวัติรัฐบาล นายธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อประชาชนไม่เอาด้วย จึงไม่สำเร็จ ถูกยิงเป้าด้วยข้อหาบกฎในที่สุด
“กบฎยังเติร์ก” ที่เรียกกบฎ “เมษาฮาวาย” เมื่อต้นเดือนเมษา.ปี ๒๕๒๔
พลเอกสัณห์ จิตรปฎิมา เป็นหัวหน้ากบฎ มีกลุ่มจปร.๗ พอ.มนูญ รูปขจร เป็นกำลังหลัก ทำรัฐประหารรัฐบาลพลเอกเปรม
รัฐบาลป๋าเปรม บริหารบ้านเมืองซื่อสัตย์-สุจริต จึงไม่มีเงื่อนไขจากประชาชน เมื่อทำรัฐประหาร ประชาชนก็ไม่สนับสนุน
คณะรัฐประหารจึงจบลงด้วยคำว่า “กบฎ”!
พวกหลี่กงกงในห้องแอร์ไม่เคยสอนอุ๊งอิ๊งบ้างเลยเรอะ ระวังนะ ถ้าผีจับยัดได้เป็นนายกฯ ขึ้นมาจริงๆ
การไม่ศึกษาความรู้รอบตัวไว้บ้างจะเหมือนอา “ปูเอ๋อ” ของเธอ ถูกนักข่าวสัมภาษณ์ ก็เรี่ยราด ไม่ลงร่อง
ก็รู้แหละ ที่ลอยกระด้งพูด….
จะไม่จับมือคนที่เคยทำรัฐประหารมาร่วมตั้งรัฐบาลน่ะ หมายถึง “พลเอกประยุทธ์”
แต่เมื่อ ๒๒ พฤษภา.๕๗ นั้นน่ะ พูดกันตรงๆ ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ทำรัฐประหาร
หากแต่ตอนนั้น อาปูของเธอถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “พ้นความเป็นนายกฯ” เพราะใช้อำนาจแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ตัวเอง
เมื่อนายกฯ พ้นสภาพ ครม.ทั้งคณะก็ต้องพ้นไปด้วย จึงเกิดสุญญากาศทางการเมือง
บวกกับรัฐบาลใช้เสียงข้างมากในสภา “ลักหลับ” ออกกฎหมายนิรโทษเหมาเข่ง
โกงโครงการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเมล็ดเกวียนละหมื่นห้า สร้างหนี้ให้ประชาชนต้องใช้แทนถึงทุกวันนี้ยังไม่หมดตั้ง ๘-๙ แสนล้าน
ประชาชนเป็นล้านล้านออกมาชุมนุม เดินขบวนขับไล่ยิ่งลักษณ์ จนบ้านเมืองวุ่นวาย ประชาชนเรียกร้องให้ทหารออกมา
ทหาร โดยพลเอกประยุทธ์ เชิญทุกฝ่ายมาตกลงหาทางออก แต่ฝ่ายยิ่งลักษณ์ไม่ยินยอม ถามชัยเกษมดูก็ได้
ทหารคือพลเอกประยุทธ์ จึงจำเป็น…..
ต้องเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ตามที่ประชาชนเรียกร้อง เพื่อคืนสงบให้บ้านเมือง!
และนี่ พวกเธอ-เพื่อไทย ที่สูญเสียอำนาจในการโกงก็ใช้วาทกรรมการเมือง
ตั้งตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ให้พลเอกประยุทธ์ เป็นฝ่ายเผด็จการ เป็นเงื่อนไขปั่นมวลชน เพื่อเดินเกมการเมือง เรื่อง “พาพ่อกลับบ้าน”
มันก็เท่านั้น ไหน…อุ๊งอิ๊งลองตอบซิ
รัฐมนตรีบุญทรง รัฐมนตรีภูมิ พวกข้าราชการพาณิชย์ที่อยู่ในคุกตอนนี้ เข้าไปอยู่เพราะรัฐบาลประชาธิปไตยโกงข้าว หรือเพราะรัฐบาลเผด็จการที่ตามใช้หนี้แทน?
และอาปูเอ๋อของเธอที่ลอดช่องหมาหนีไปนั่นน่ะ หนีเพราะทหารเขาควบคุมอำนาจบริหารประเทศ
หรือหนีเพราะกลัวติดคุกจากคำพิพากษาศาลในคดีโกงจำนำข้าว?
และอุ๊งอิ๊ง เธอโทรไปถามพ่อเธอซิว่า
ที่ตั้งเสธ.อ้วน “พลเอกสัมพันธ์ บุญญานันต์” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อปี ๒๕๔๗ ท่ามกลางความงุนงงสงสัยในที่มา-ที่ไปของคนทั้งประเทศนั่นน่ะ
ตั้งด้วยความดี-ความชอบใด?
ถ้าพ่อเธอตอบ ก็ต้องตอบว่า…”ลูกเอ๊ย ที่พ่อได้เข้าไปกอดตีน “บิ๊กจ๊อด” จนได้สัมปทานมานั่นน่ะ
ก็เสธฯ อ้วน หน้าห้องบิ๊กจ๊อดนี่แหละเขาประสานให้ บุญคุณต่างตอบแทนไงล่ะลูก”
เมื่อทราบแล้ว ต่อจากนี้ ก่อนที่จะเบะปากด่าใครว่าเผด็จการ อุ๊งอิ๊งควรจำประโยคนี้ใส่กะโหลกน้อยๆไว้ คือประโยคที่ว่า
“ถ้าไม่มีพี่ชายผมคนนี้ ก็ไม่มีวันนี้”
ใครคือเจ้าของคำพูดประโยคนี้ อุ๊งอิ๊งรู้มั้ย ไม่รู้จะบอกให้
ก็พ่อของเธอไง!
วันที่ “ดาวเทียมไทยคม” สัมปทานเผด็จการให้ ยิ่งขึ้นฟ้า ที่ “เฟรนช์เกียนา” ฐานปล่อยจรวดของฝรั่งเศส เมื่อ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๓๖
ในจำนวนแขกรับเชิญ, สื่อมวลชน ระดับ วีไอพี คนหนึ่งที่พ่อเธอเชิญไปด้วย คือ “พลเอกสุนทร คงสมพงษ์”
พลันไทยคมขึ้นฟ้า………
พ่อเธอก็กราบซาบซึ้งอดีตหัวหน้าเผด็จการรสช.พร้อมเอ่ยประโยค “กำเนิดเศรษฐีสัมปทาน”
“ถ้าไม่มีพี่ชายผมคนนี้ ก็ไม่มีวันนี้”
รังเกียจจับมือกับเผด็จการก็แล้วไปนะอุ๊งอิ๊ง แต่อยากบอกให้รู้ไว้เท่านั้นว่า
รวยที่พ่อเธอมีวันนี้ได้……
เพราะ “กอดตีนเผด็จการ” รวย!
เปลว สีเงิน
๑๙ เมษายน ๒๕๖๖
