1 พฤศจิกายน 66 สส.รอมฎอน พรรคก้าวไกล เรียกร้องนายกรัฐมนตรีรับรองร่างกฎหมายยุบ กอ.รมน. ซึ่งเป็นร่างการเงิน เปิดทางสภาฯ พิจารณา เชื่อ สส.พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน เห็นด้วย
นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันแถลงถึงกรณีการยื่นร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 พ.ศ. …. และกรณีที่นายกรัฐมนตรีแสดงจุดยืนจะไม่ยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
นายรอมฎอน ในฐานะผู้ยื่นร่างกฎหมายนี้ กล่าวว่า ร่างกฎหมายยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นร่างกฎหมายชุดแรก ๆ ที่พรรคก้าวไกลยื่นต่อสภาฯ มานานแล้ว ซึ่งยื่นมาตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็น 1 ใน 5 ร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศ
ประกอบด้วย ยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร ปรับเปลี่ยนระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม แก้ไขกฎหมายวินัยการเงินการคลังกระทรวงกลาโหม ยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. มีหัวใจสำคัญ คือ ความพยายามจะเสนอให้มีการปฏิรูปกองทัพและระบบงานความมั่นคง สร้างหลักการประชาธิปไตย รัฐบาลพลเรือนเป็นใหญ่เหนือกองทัพ
ส่วนเหตุจำเป็นที่ต้องยุบ กอ.รมน. เป็นความพยายามทำให้ความมั่นคงเป็นเรื่องของพลเรือนไม่ผูกขาดอยู่กับกองทัพเท่านั้น ให้เกิดการกระจายออกสู่มือของพลเรือนภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐบาล
นอกจากนั้น ยังรวมถึงการบริหารราชการ โดยที่ผ่านมา กอ.รมน. ถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส การใช้งบประมาณ การบริหารกำลังคน ซึ่งยังไม่รวมถึงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมาใช้การนำโดยทหาร วิธีคิดแบบทหาร จำกัดโอกาสและทางเลือกในการแสวงหาการหาข้อตกลงที่จะอยู่ร่วมกันระหว่างรัฐและประชาชน
และเห็นว่าหากมี กอ.รมน ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากสงครามเย็น ที่มีกรอบคิดมองประชาชนเป็นภัยคุกคาม โดยหากมีมุมมองแบบนี้การแก้ปัญหาความขัดแย้งยิ่งทำได้ยากลำบาก
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีไม่มีท่าทีจะยุบ กอ.รมน. นั้น นายรอมฎอน ระบุว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ถูกวินิจฉัยโดยประธานสภาฯ ว่าเป็นร่างการเงิน ซึ่งจะต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีรับรอง ซึ่งเห็นว่าการรับรองหรือไม่รับรองอาจไม่เกี่ยวข้องกับการเห็นด้วยว่าควรยุบหรือไม่ยุบ กอ.รมน. แต่เป็นการเปิดโอกาสให้กติกาได้ทำหน้าที่
โดยเข้าใจว่า สส.พรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน และโดยเฉพาะ สส. ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงอยากเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีในการรับรองร่างกฎหมาย เปิดทางให้สภาฯ ได้พิจารณา ให้เกิดการถกเถียงกัน ให้ประชาชนได้รับฟังข้อมูล และสู้กันผ่านการลงมติ
โดยนายกรัฐมนตรี มี 3 ทางเลือก คือ ให้การรับรอง ไม่ให้การรับรอง และปล่อยเกียร์ว่าง เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ระบุว่านายกรัฐมนตรีจะต้องส่งร่างกลับมายังสภาฯ เมื่อใด
นายรอมฎอน ยังกล่าวถึงการเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนต่อร่างกฎหมายนี้ ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 โดยพบว่ามีผู้แสดงความคิดเห็นกว่า 4.6 หมื่นคน แต่ยังติดปัญหาที่ว่าการตั้งคำถามของร่างกฎหมายมีความกำกวม เกิดการตีความผิด และตอบไม่ตรงกับเจตนา
อีกทั้งเรื่องของการสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในระบบปกปิดข้อมูล ตลอดจนเรื่องของการโหวตซ้ำที่สามารถทำได้ ซึ่งล้วนเป็นปัญหา โดยจะได้ทำหนังสือถึงนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เพื่อขอข้อมูลและคำชี้แจงเกี่ยวกับระบบนี้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ไม่ว่าความคิดเห็นจะออกมาอย่างไรก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้น
นายรอมฎอน ย้ำด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แม้นายกรัฐมนตรีจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ซึ่งจะได้หยิบยกไปหารือในคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาฯ โดยจะครอบคลุมไปถึงเรื่องการใช้บังคับกฎหมายพิเศษต่าง ๆ และการเปิดให้ประชาชนได้เข้ามีส่วนร่วมมากขึ้นในการเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย
